แบรนด์ Superdry นี้ หลายคนคิดว่ามีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว Superdry ถือสัญชาติอังกฤษโดยสมบูรณ์ เพียงแต่ทางแบรนด์นี้ออกแบบเสื้อผ้าเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเท่านั้นเอง จึงทำให้หลายๆท่านคิดว่าเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของเสื้อผ้า Superdry คือการผสมผสานระหว่าง แนว Vintage และเสื้อสไตล์ American โดยดึงเอาจุดเด่นของทั้งสองสไตล์เข้ามาผสมกันอย่างลงตัว สีเสื้อส่วนใหญ่จะออกไปทางสีเข้มหรือสีของผู้ชาย จะไม่เน้นสีสันที่ฉูดฉาดมากนัก เสื้อยืด superdry มีผลิตอยู่สองที่เท่านั้น ( ขึ้นอยู่กับโซนทวีป ) เช่น ถ้าขายในยุโรป อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี่ ส่วนใหญ่จะผลิตในตุรกี แต่จะมีผลิตในจีนปะปนอยู่บ้าง แต่ของแท้แน่นอน แต่ถ้าขายในโซนอเมริกามักจะเจอผลิตในจีน หรือในออสเตรเลีย
ใครที่หลงรักเสื้อผ้าแนว Future Classics มีกลิ่นอายรวดลายแบบญี่ปุ่น ความเป็นวินเทจแบบอเมริกัน และการตัดเย็บที่เรียบหรูตามแบบฉบับของอังกฤษเชิญเลือกแบบได้เลยครับปัจจุบันนั้น “ซูเปอร์ดรายส์” มีคอลเลคชั่นประจำฤดูต่างๆ มากถึง 3,000 แบบ อันได้แก่ เสื้อยืดและเสื้อฮู้ดลวดลายวินเทจ, เสื้อเชิ้ตพรีเมี่ยมแบบต่างๆ, เสื้อแจ็คเก็ตหนังที่นุ่มสบาย และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถเข้ากับผู้คนทุกกลุ่ม และล่าสุดกับคอลเลคชั่นออธั่มวินเทอร์ 2012 ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบที่ล้ำหน้าและจากการตัดเย็บที่ผสมผสานการถักเข้ากับผ้าแคชเมียร์ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้มีความโดดเด่นตรงการเย็บด้วยด้ายสีที่เด่นชัด การทอและตัดเย็บในรูปแบบตาข่าย ซึ่งได้แรงบันดาลใจที่มาจากบรรยากาศและธรรมชาติของฤดูหนาว จนสามารถสื่อออกมาได้เป็นคอลเลคชั่น Country-Chic Styles, Punk Flashes and Heritage Twists นั่นเอง
แบรนด์ “ซูเปอร์ดรายส์” (Superdry) เกิดขึ้นจากการก่อตั้งของ Mr.Julian Dunkerton และ Mr.James Holder โดยเริ่มขึ้นเมื่อปี 2003 จากร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ภายในประเทศอังกฤษ ภายใต้ชื่อ “Cult Clothing” จนกระทั่งเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากตลาดภายในประเทศอังกฤษ และกลายเป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกจดจำได้เป็นอย่างดี โดยมีแฟล็กชิพสโตร์กว่า 40 ประเทศ และขายผ่านทางออนไลน์ใน 91 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ หลักการของ “ซูเปอร์ ดรายส์” คือ การนำเสนอเสื้อผ้าแนว Future Classics ที่มีรายละเอียดด้านการตัดเย็บ, เนื้อผ้า และเทคนิคการซักเนื้อผ้าแบบวินเทจ ในราคาที่สามารถจับต้องได้ และเหมาะสมกับผู้คนทุกกลุ่มวัย โดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ, คุณค่าของสินค้า และการออกแบบโดยมีเอกลักษณ์พิเศษ ที่เกิดจากการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลวดลายแบบญี่ปุ่น, ความเป็นวินเทจแบบอเมริกัน และการตัดเย็บที่เรียบหรูตามแบบฉบับของอังกฤษ ทำให้กลายเป็นเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ คงทน สวยงาม และโดดเด่นกว่าใคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น